MCT (Medium-Chain Triglycerides) คืออะไร?
MCT หรือ Medium-Chain Triglycerides เป็นไขมันสายกลางที่ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมได้รวดเร็วกว่าไขมันสายยาว (LCT – Long-Chain Triglycerides) ทำให้ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันทีแทนที่จะสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน
MCT พบได้ในน้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม และผลิตภัณฑ์นม แต่สามารถสกัดออกมาเป็นน้ำมัน MCT Oil เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น
—
ประเภทของ MCT
MCT มี 4 ชนิดหลักตามจำนวนอะตอมคาร์บอนในสายไขมัน ได้แก่
1. C6 (Caproic Acid) – ดูดซึมเร็วแต่มีรสขม
2. C8 (Caprylic Acid) – เปลี่ยนเป็นพลังงาน (คีโตน) ได้เร็วที่สุด
3. C10 (Capric Acid) – ดูดซึมเร็ว แต่ช้ากว่า C8 เล็กน้อย
4. C12 (Lauric Acid) – พบมากในน้ำมันมะพร้าว แต่ดูดซึมช้ากว่าและมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรีย
โดยทั่วไป MCT Oil ที่มีคุณภาพสูงจะเน้น C8 และ C10 เพราะให้พลังงานได้เร็วกว่า
ประโยชน์ของ MCT
1. ให้พลังงานเร็วขึ้น
ร่างกายเผาผลาญ MCT ได้ทันที ไม่ต้องอาศัยน้ำดีในการย่อยเหมือนไขมันทั่วไป
เหมาะสำหรับนักกีฬาและผู้ที่ต้องการพลังงานระหว่างวัน
2. ช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มการเผาผลาญ
ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันและเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน (Metabolic Rate)
ลดความอยากอาหาร ทำให้รับประทานแคลอรี่น้อยลง
3. เสริมสร้างสมองและความจำ
MCT สามารถเปลี่ยนเป็นคีโตน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของสมอง
มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันโรคอัลไซเมอร์และสมองล้า
4. ช่วยลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน
มีคุณสมบัติต้านจุลชีพที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
ช่วยส่งเสริมสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้
5. เหมาะสำหรับสายคีโต (Ketogenic Diet)
ผู้ที่รับประทานคีโตเจนิคไดเอทใช้ MCT เป็นแหล่งพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรต
วิธีใช้ MCT Oil
ผสมในกาแฟ (Bulletproof Coffee)หรือโยเกิร์ต – เพิ่มพลังงานและลดความอยากอาหาร
กลุ่มคนที่เหมาะกับการใช้ MCT
1. ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและควบคุมความหิว
MCT ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันและลดความอยากอาหาร
เหมาะกับคนที่ลดน้ำหนักด้วยวิธี Intermittent Fasting (IF) หรือ Ketogenic Diet
ทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะเผาผลาญไขมัน (Ketosis) ได้เร็วขึ้น
2. นักกีฬา และผู้ที่ออกกำลังกายหนัก
MCT เป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว
ลดอาการเหนื่อยล้าระหว่างออกกำลังกาย
เหมาะกับสาย Endurance (วิ่งมาราธอน ปั่นจักรยาน ไตรกีฬา) หรือ Weight Training
3. คนทำงานที่ต้องใช้สมองหนัก (Brain Booster)
MCT ช่วยเพิ่มพลังงานให้สมองโดยการเปลี่ยนเป็น คีโตน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มีประสิทธิภาพเหมาะกับคนที่ทำงานหนัก นักเรียน นักศึกษา หรือคนที่ต้องใช้สมองเยอะ
4. ผู้ที่มีปัญหาลำไส้ หรือดูดซึมไขมันไม่ดี
MCT ดูดซึมง่าย ไม่ต้องใช้น้ำดีในการย่อย
เหมาะกับคนที่มีภาวะลำไส้อักเสบ (IBD, Crohn’s Disease) หรือผู้ที่มีปัญหาการย่อยไขมัน
5. ผู้สูงอายุที่ต้องการบำรุงสมองและป้องกันอัลไซเมอร์
มีงานวิจัยที่ชี้ว่า MCT อาจช่วย ลดความเสี่ยงของอัลไซเมอร์
ช่วยเพิ่มพลังงานให้สมอง ลดอาการหลงลืม
6. ผู้ที่รับประทานอาหารแบบคีโตเจนิค (Ketogenic Diet)
MCT ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ Ketosis ได้เร็วขึ้น
ลดอาการ “Keto Flu” หรืออาการข้างเคียงจากการปรับตัวสู่การใช้ไขมันเป็นพลังงาน
7. คนที่ต้องการเพิ่มพลังงานแบบเร่งด่วนโดยไม่กระทบระดับน้ำตาลในเลือด
MCT ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเหมือนคาร์โบไฮเดรต
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานเสริมแบบไม่กระทบอินซูลิน เช่น ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมอาหาร
กลุ่มคนที่ควรระวังการใช้ MCT
ผู้ที่มีปัญหาตับ → ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะตับมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญ MCT
ผู้ที่มีปัญหาทางเดินอาหารรุนแรง → อาจเกิดอาการท้องเสียหรือไม่สบายท้องหากบริโภคในปริมาณมาก
คนที่เพิ่งเริ่มใช้ MCT → ควรเริ่มจากปริมาณน้อย (1 ช้อนชา) แล้วค่อยเพิ่มขึ้น
โดยรวมแล้ว MCT เป็นไขมันที่เหมาะกับคนที่ต้องการพลังงานสูง ลดน้ำหนัก เสริมสมอง และสุขภาพลำไส้ แต่อยู่ที่การปรับใช้ให้เหมาะสมกับร่างกายแต่ละคนนักเสริมสมอง หรืออยู่ในสายคีโต อย่างไรก็ตาม ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันผลข้างเคียง
ภก.ชีววัฒน์ วุฒิสรรพ์
8/3/2025