วิตามินซี กับ PM 2.5: ช่วยปกป้องร่างกายจากมลพิษได้อย่างไร?
PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือด ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น การอักเสบของปอด ภูมิแพ้ โรคหัวใจ และอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง วิตามินซีสามารถช่วยลดผลกระทบของ PM 2.5 ได้หลายทาง
1. วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
PM 2.5 ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ที่ทำลายเซลล์ วิตามินซีช่วยจับและกำจัดอนุมูลอิสระ ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเซลล์ปอดและอวัยวะอื่นๆ
ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและมะเร็ง
2. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
วิตามินซีช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่อาจเกิดจาก PM 2.5
ลดความรุนแรงของอาการแพ้และการอักเสบที่เกิดจากมลพิษ
3. ลดการอักเสบและปกป้องปอด
วิตามินซีช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อปอดที่ถูกทำลายจากฝุ่น PM 2.5
ลดความเสี่ยงของโรคปอดเรื้อรัง เช่น หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (COPD) และหอบหืด
4. ป้องกันการแก่ก่อนวัยที่เกิดจากมลพิษ
PM 2.5 อาจเร่งกระบวนการชราภาพของผิวหนัง วิตามินซีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย และปกป้องผิวจากความเสียหาย
5. ทำงานร่วมกับวิตามินอีและกลูต้าไธโอน
วิตามินซีช่วยฟื้นฟูวิตามินอีและกลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ
ควรทานร่วมกับวิตามินอีและอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบอร์รี่ ผักใบเขียว
ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำ
ป้องกันทั่วไป: 500-1,000 mg/วัน
ผู้ที่เผชิญกับมลพิษบ่อย: 1,000-2,000 mg/วัน (แบ่งทานเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะ)
แหล่งของวิตามินซี
ผักผลไม้: ส้ม, กีวี, ฝรั่ง, มะขามป้อม, บรอกโคลี
อาหารเสริม: ควรเลือกที่เป็น Ascorbic Acid หรือ Sodium Ascorbate ที่ดูดซึมได้ดี
สรุป
วิตามินซีช่วยปกป้องร่างกายจากผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 โดยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และปกป้องปอด ควรได้รับจากทั้งอาหารและอาหารเสริม โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าฝุ่น
สูง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษ