กระดูกเริ่มเสื่อมตามวัยตั้งแต่อายุ ~30 ปีขึ้นไป การ “ทานแคลเซียมให้พอ + วิตามินดี + ขยับร่างกาย” คือ 3 หลักใหญ่ที่ช่วยชะลอกระดูกพรุน
คนไทยจำนวนมากได้แคลเซียม “ไม่ถึงเป้า” จากอาหารเพียงอย่างเดียว (บริโภคนม/ผลิตภัณฑ์นมต่ำ แถมโซเดียม/คาเฟอีนสูง)
เลือกชนิดแคลเซียมให้เหมาะ (คาร์บอเนต vs ซิเตรต ฯลฯ) และ “แบ่งโดสไม่เกิน ~500 มก./ครั้ง” ช่วยดูดซึมดีกว่า
ระวังโรคประจำตัว/ยาบางชนิด และอย่าเกินปริมาณรวมต่อวัน
—
ทำไม “ยัง” ต้องทานแคลเซียมในยุคนี้?
1. มวลกระดูกลดลงตามวัย – หลังอายุ ~30 ความหนาแน่นกระดูกลดลงทุกปี โดยเฉพาะผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน เสี่ยงกระดูกพรุนและกระดูกหัก
2. พฤติกรรมการกินสมัยใหม่ – ดื่มนมน้อย กินเค็มจัด ดื่มชา-กาแฟบ่อย พฤติกรรมเหล่านี้เพิ่มการสูญเสียแคลเซียม
3. ทำงานในร่ม/ไม่โดนแดด – วิตามินดีต่ำทำให้ดูดซึมแคลเซียมไม่ได้เต็มที่ ถึงกินพอก็ยังใช้ไม่คุ้ม
4. ช่วงชีวิตที่ต้องการมากขึ้น – วัยรุ่นสร้างกระดูก, หญิงตั้งครรภ์/ให้นม, ผู้สูงอายุ, คนออกกำลังกายหนัก, ผู้ใช้ยาบางชนิด (สเตียรอยด์, ยาลดกรดกลุ่ม PPI) ล้วนต้องการแคลเซียมมากขึ้น
5. เป้าหมายสุขภาพนอกเหนือจากกระดูก – กล้ามเนื้อหดเกร็งง่าย ใจสั่นจากการขาดแคลเซียมก็พบได้ แคลเซียมมีบทบาทในการหด-คลายตัวของกล้ามเนื้อและการส่งสัญญาณของเซลล์
—
ประโยชน์เด่นของแคลเซียมที่คนมักมองข้าม
เสริมความหนาแน่นมวลกระดูก ลดเสี่ยงกระดูกหักในวัยทอง/สูงอายุ
สนับสนุนการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจ ช่วยคุมจังหวะการเต้นของหัวใจและการหดตัวของกล้ามเนื้อ
ระบบประสาท เกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณและเอนไซม์หลายชนิด
ฟันและโครงสร้าง ช่วยคงความแข็งแรงของฟันและโครงสร้างกระดูกใบหน้า
—
ปริมาณที่แนะนำ (แนวทางทั่วไป)
> หมายเหตุ: ควรคำนวณ “รวมทั้งวันจากอาหาร + อาหารเสริม”
ผู้ใหญ่ทั่วไป: 800–1,000 มก./วัน (ในฉลากโภชนาการไทยมักอ้างอิง 800 มก./วันเพื่อคิด %RDI)
หญิงวัยหมดประจำเดือน / ผู้สูงอายุ (≈50–70+ ปี): 1,000–1,200 มก./วัน
วัยรุ่น (ช่วงสร้างกระดูก): 1,000–1,300 มก./วัน
ตั้งครรภ์/ให้นม: โดยมาก 1,000 มก./วัน (ปรึกษาแพทย์ตามภาวะส่วนบุคคล)
ปลอดภัยแค่ไหน? โดยทั่วไปไม่ควรเกิน ~2,000–2,500 มก./วัน (รวมทุกแหล่ง) เว้นแต่แพทย์สั่ง
—
แคลเซียมแบบไหนดี? (เปรียบเทียบชนิดยอดนิยม)
ชนิดแคลเซียม % แคลเซียมธาตุ (ประมาณ) จุดเด่น เหมาะกับใคร/วิธีกิน
คาร์บอเนต (Calcium Carbonate) ~40% ปริมาณแคลเซียมต่อเม็ดสูง ราคาคุ้ม กิน พร้อมมื้ออาหาร เพื่อให้กรดในกระเพาะช่วยดูดซึม อาจมีท้องอืดในบางคน
ซิเตรต (Calcium Citrate) ~21% ดูดซึมได้ดีแม้กรดกระเพาะต่ำ กินได้ ไม่ว่าพร้อมอาหารหรือเปล่า เหมาะกับผู้ใช้ยา PPI/ผู้สูงอายุ/ท้องอืดง่าย
แลคเตต/กลูโคเนต ~9–13% อ่อนโยนต่อท้อง เหมาะกับคนกระเพาะแพ้ง่าย แต่ต่อเม็ดได้แคลเซียมน้อย
MCHA (Hydroxyapatite) ~24–27% มีฟอสฟอรัส/คอลลาเจนธรรมชาติร่วมด้วย ราคาสูง เลือกแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน
แคลเซียม L-threonate ต่ำ เคลมเรื่องการดูดซึม/อ่อนท้องในบางแหล่งข้อมูล ใช้เมื่อรับประทานชนิดอื่นไม่สบายท้อง (หลักฐานยังไม่เทียบเท่าคาร์บอเนต/ซิเตรต)
ทิป: ไม่ว่าชนิดใด “แบ่งโดสไม่เกิน ~500 มก./ครั้ง” ช่วยดูดซึมดีกว่ากินครั้งเดียวโดสสูง
—
วิตามินและแร่ธาตุที่ “ทำงานร่วม” กับแคลเซียม
วิตามินดี (D3): ขาด D ต่อให้ทานแคลเซียมก็ดูดซึมไม่คุ้ม
วิตามิน K2 (MK-7): ช่วยพาแคลเซียมไปที่กระดูก แทนการสะสมผิดที่
แมกนีเซียม: ช่วยสมดุลการหดคลายกล้ามเนื้อและเมตาบอลิซึมของกระดูก
โปรตีนเพียงพอ + เวทเทรนนิ่ง/ลงน้ำหนัก: ตัวเร่งการสร้างกระดูกตัวจริง
—
วิธีทานแคลเซียมให้ได้ผล (และไม่เสียของ)
แบ่งมื้อ: 500 มก./ครั้ง คือ sweet spot ของการดูดซึม
เวลาทาน: คาร์บอเนตกินพร้อมอาหาร / ซิเตรตกินเวลาไหนก็ได้
หลีกเลี่ยงการชนกันของแร่ธาตุ: อย่ากิน แคลเซียม พร้อม ธาตุเหล็ก/สังกะสี ให้เว้นห่าง 2 ชั่วโมง
คาเฟอีน/โซเดียมสูง: ลดลงเพื่อไม่ให้สูญเสียแคลเซียมทางปัสสาวะ
ดื่มน้ำพอ: โดยเฉพาะคนเสี่ยงนิ่ว
ตรวจวิตามินดี: ถ้ามักไม่โดนแดด อาจพิจารณาเสริม D3 ควบคู่ (ปรึกษาแพทย์/เภสัชกร)
—
ใครบ้างที่ควร “ใส่ใจเป็นพิเศษ”
ผู้หญิงวัยทอง/หลังหมดประจำเดือน
วัยรุ่นช่วงโตเร็ว/เล่นกีฬา
หญิงตั้งครรภ์และให้นม
ผู้สูงอายุ/ผู้ที่ล้มง่าย
ผู้ที่แพ้นมหรือไม่ดื่มนม, มังสวิรัติบางรูปแบบ
ผู้ใช้ยากลุ่ม PPI, สเตียรอยด์ หรือมีภาวะกระเพาะกรดน้อย
—
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับแคลเซียม
“กินแคลเซียมแล้วอ้วน” → แคลเซียมไม่มีพลังงานสูง ไม่ทำให้อ้วนโดยตรง
“กินสูงๆ จะยิ่งดี” → เกินความต้องการเพิ่มความเสี่ยงนิ่ว/สะสมผิดที่ ควรยึดปริมาณ “พอดี”
“กินแทนออกกำลังกายได้” → ไม่ได้ การลงน้ำหนัก/แรงต้านจำเป็นต่อการสร้างกระดูกใหม่
—
ข้อควรระวัง/คำเตือน
โรคไตเรื้อรัง, ภาวะแคลเซียมสูง, ต่อมพาราไทรอยด์ผิดปกติ, นิ่วในไตบ่อย → ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสริม
ระวังการใช้ร่วมกับยาบางชนิด (ไทรอยด์ฮอร์โมน, ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม, ธาตุเหล็ก, สังกะสี) ให้เว้นระยะห่าง
เลือกผลิตภัณฑ์ที่มี ฉลากชัดเจน, เลขสารระบบ/อย., แหล่งวัตถุดิบและโรงงานได้มาตรฐาน
ตัวอย่างการจัดตารางกิน (ผู้ใหญ่ต้องการ ~1,000 มก./วัน)
เช้า: แคลเซียม 500 มก. (พร้อมอาหาร) + D3
เย็น: แคลเซียม 500 มก. (พร้อมอาหาร)
ธาตุเหล็ก/สังกะสี (ถ้าต้องเสริม): แยกอีกมื้อ เว้นห่างอย่างน้อย 2 ชม.
—
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: ไม่ดื่มนมเลย ควรเสริมไหม?
ตอบ: ถ้าอาหารวันหนึ่งให้แคลเซียมไม่ถึง 800–1,000 มก. การเสริมช่วยให้ถึงเป้าได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ/วัยทอง
ถาม: กินเวลาไหนดีที่สุด?
ตอบ: คาร์บอเนตควรกินพร้อมอาหาร ซิเตรตกินเวลาไหนก็ได้ และควร “แบ่งโดส” ไม่เกิน ~500 มก./ครั้ง
ถาม: กินกับกาแฟ/ชาได้ไหม?
ตอบ: ไม่แนะนำในมื้อเดียวกัน เพราะคาเฟอีนและแทนนินรบกวนการดูดซึม เว้นห่างสัก 1–2 ชั่วโมง
ถาม: กินร่วมกับวิตามินดี/เค2 ดีไหม?
ตอบ: ดี—D ช่วยดูดซึม, K2 ช่วยพาแคลเซียมไปที่กระดูก ลดโอกาสสะสมผิดที่
ถาม: เสี่ยงนิ่วไหม?
ตอบ: ถ้าดื่มน้ำน้อย/กินเกินปริมาณที่ต้องการอาจเพิ่มความเสี่ยง ควรกินตามเป้าและดื่มน้ำพอ โดยเฉพาะผู้มีประวัตินิ่วควรปรึกษาแพทย์
ถาม: ออกกำลังกายจำเป็นไหมถ้ากินแคลเซียมแล้ว?
ตอบ: จำเป็นมาก การลงน้ำหนัก/แรงต้านช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูก แคลเซียมอย่างเดียวไม่พอ